วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

โลกอยู่ในมือเรา



ให้โอกาส...ให้ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

มีคำกล่าวว่า
 “การให้โอกาสแก่ผู้อื่น ก็เท่ากับการให้โอกาสแก่ตัวเอง”

คำกล่าวนี้ทำให้นึกถึง “บูมเมอแรง ขว้างไปยิ่งแรงยิ่งกลับมาเร็ว” หรือกฎข้อที่ 3 ของนิวตัน แรงกริยาเท่ากับแรงปฏิกิริยา เช่น เมื่อเราออกแรงผลักกำแพง  กำแพงจะออกแรงเท่ากันกลับสู่มือเรา หรือแรงที่จรวดผลักเท่ากับแรงที่ผลักจรวด เป็นต้น เช่นเดียวกันกับการทำคุณงามความดีที่มีหลายรูปแบบ หนึ่งในความดีนั้นก็คือการให้โอกาสแก่ผู้อื่น เพราะ “โอกาส” สามารถหยิบยื่นให้ง่าย ๆ ด้วยใจที่เปิดกว้าง ใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความเมตตาและปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วมโลก ยิ่งให้โอกาสแก่คนอื่นมากเท่าใด ก็ยิ่งเพิ่มพูนคุณธรรมความดีแก่ตนเองมากขึ้น ยิ่งให้ ใจก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น ๆ กำลังใจก็มีมากขึ้น ในการต่อสู้กับกิเลสภายใน แก้ไขปรับปรุงตนในการสร้างบุญสร้างบารมีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปตามรอยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
การ์ดเพื่อการให้โอกาส
การ์ดเพื่อการให้โอกาส

ให้โอกาส
ในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ทรงรู้ว่าถ้าพระเทวทัตบวชเข้ามาแล้วจะสร้างบาปกรรมอันใหญ่หลวงแก่พระศาสนาและพระพุทธองค์ คือ ทำร้ายพระพุทธเจ้าและทำสังฆเภทคือให้สงฆ์แตกกัน แต่ทรงให้โอกาสแก่พระเทวทัตเพราะทรงเล็งเห็นว่า ถ้าพระเทวทัตครองเรือนเป็นคฤหัสถ์ก็จะก่อกรรมทำชั่วอย่างไม่จบสิ้น เมื่อตายไปก็จะไปบังเกิดในอบายภูมิเสวยทุกขเวทนาเป็นเวลาหลายกัปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถ้าพระเทวทัตได้บรรพชาในพระพุทธศาสนา ก็จักมีอันสิ้นสุดได้ จักทำกรรมชั่วเพียงให้ตกนรกอยู่แค่ 1 กัปเท่านั้น ทรงเห็นอย่างนี้ จึงให้โอกาสแก่พระเทวทัตบรรพชาด้วยอำนาจพระมหากรุณาของพระพุทธองค์ 
การคิดการณ์ไกลของพระพุทธองค์คือการให้โอกาสแก่ทุกคน ให้ในสิ่งที่เกิดประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน โดยไม่คิดพยาบาทปองร้ายตอบต่อผู้ประทุษร้าย ซึ่งเรื่องราวเริ่มต้นจากชาติแรกที่พ่อค้าเร่คนที่หนึ่ง(เทวทัต) ที่คอยตามติดจองเวรชิงชังผูกอาฆาตพยาบาทพ่อค้าพระโพธิสัตว์(อดีตชาติของพระสมณโคดม) มาหลายภพหลายชาติจนกระทั่งชาติปัจจุบันเป็นเจ้าชายเทวทัตที่กระทำเลวร้ายต่าง ๆ นานาต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ก็ทำอะไรท่านไม่ได้มากแค่ทำให้ท่านห้อพระโลหิตเท่านั้น ที่สุด ก่ออนันตริยกรรม แล้วกลับสำนึกได้ในภายหลังและถูกธรณีสูบ  ดั่งพุทธพจน์ที่ว่า 
บุคคลผู้ใดมิได้ประทุษร้ายเหล่ามิตร
 เหล่าอมิตรย่อมย่ำยีบุคคลผู้นั้นไม่ได้ 
ดุจต้นไทรมีราก
และย่อมงอกงาม 
พายุไม่อาจพัดพานให้ล้มได้ ฉะนั้น
ทั้งนี้ พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า สาเหตุที่พระเทวทัตกระทำความชั่วก็เพราะจิตของพระเทวทัตได้ถูกครอบงำย่ำยีด้วยอสัทธรรม (ธรรมฝ่ายชั่ว) 8 ประการ คือ
 1 .ลาภ 
 2. เสื่อมลาภ 
 3 .ยศ
 4. เสื่อมยศ
 5. สักการะ
 6. เสื่อมสักการะ 
 7. ความปรารถนาอันต่ำทราม
 8. ความเป็นมิตรชั่ว แต่มีเพียง 3 อย่างที่ถูกครอบงำด้วยอสัทธรรมคือ
           8.ความปรารถนาอันต่ำทราม
8.ความเป็นมิตรชั่ว
            8.3 พอบรรลุคุณวิเศษก็หยุดอยู่เพียงแค่นั้น
            หลังจากนั้น พระพุทธเจ้าก็ได้สอนให้เหล่าภิกษุผู้ที่ถูกครอบงำย่ำยีด้วยอสัทธรรม  ให้เป็นฝ่ายครอบงำย่ำยีอสัทธรรมเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างแบบพระเทวทัต  
เมื่อสำนึกได้ 
ที่สุด ในวาระสุดท้ายของพระเทวทัต เมื่อจิตไม่ได้ถูกครอบงำย่ำยีด้วยอสัทธรรมแล้ว กำลังจะเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  พอลุกจากเตียงแล้วนั่งวางเท้าทั้งสองบนพื้นดิน เท้าทั้งสองนั้นก็จมแผ่นดินลง โดยลำดับเพียงข้อเท้า เพียงเข่า เพียงเอว เพียงนม จนถึงคอ ในเวลาที่กระดูกคางจดถึงพื้นดิน ได้กล่าวคาถานี้ว่า 
“ข้าพระองค์ขอถึงพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้เป็นบุคคลเลิศ เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ เป็นสารถี ฝึกนรชน มีพระจักษุรอบคอบ มีพระลักษณะ (แต่ละอย่าง) เกิดด้วยบุญตั้งร้อย ว่าเป็นที่พึ่งด้วย กระดูกเหล่านี้พร้อมด้วยลมหายใจ.” 
วันคืนล่วงไป ๆ บัดนี้ เราทำอะไรอยู่ 
พระพุทธองค์ ทรงให้โอกาสแก่ผู้ประทุษร้าย  ให้ทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อย่นระยะเวลาในการที่ต้องเสวยวิบากกรรมให้ลดน้อยเบาบางลง นับเป็นความเมตตามหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ที่ยอมตนเพื่อบ่มบารมีโดยมีเป้าหมายคือพระสัมมาสัมโพธิญาณ และประโยชน์ท่านคือการบรรลุธรรมอันสูงสุดต่อไปของหมู่ชน   เมื่อเราได้โอกาส ได้พบพระพุทธศาสนา มีมหาปูชนียาจารย์ที่ดำเนินรอยตามพระบรมศาสดาเป็นต้นบุญต้นแบบแล้ว ถามตัวเองว่า วันนี้ เราทำอะไรอยู่ ทุกคนมีคำตอบคือเป้าหมายในการปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงธรรมและสร้างบารมีไปกับหมู่คณะ ตราบสุดธรรม

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพ
ภาพการ์ดการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จากyoutube.com
บูมเมอแรง
ขุ.ชา.(ไทย) มมก. [ออนไลน์] 63/441/43 
กฎข้อที่ 3 ของนิวตัน
พระเทวทัต
พระเทวทัตถูกธรณีสูบ
ภาพพระเทวทัตขอขมา

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ความดี คนดีทำง่าย


กตญฺญุโน หิ สปฺปุริสา กตเวทิโน
คนดีย่อมเป็นผู้กตัญญูและกตเวที 
การ์ดภาพคำสอนคุณครูไม่ใหญ่


ในอดีตที่ผ่านมา ผู้นำในการสร้างชาติให้ยิ่งใหญ่ทั้งทางโลกและทางธรรม และเป็นต้นแบบในการสร้างความดี จนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลกมาจนถึงปัจจุบัน พบว่าท่านเหล่านั้นล้วนเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวที ซึ่งมีอยู่ 5 ประการได้แก่ 
1. กตัญญูต่อบุคคล คือ ใครก็ตามที่เคยมีพระคุณต่อเรา ไม่ว่าจะมากน้อยเพียงไร จะต้องกตัญญูรู้คุณท่าน ติดตามระลึกถึงเสมอด้วยความซาบซึ้งพยายามหาโอกาสตอบแทนคุณท่านให้ได้ โดยเฉพาะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสงฆ์ บิดามารดา ครู อุปัชฌาย์อาจารย์ พระมหากษัตริย์หรือผู้ปกครองที่ทรงทศพิธราชธรรม จะต้องตามระลึกนึกถึงพระคุณของท่านให้จงหนัก ให้ปฏิบัติตัวให้เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นศิษย์ที่ดีของครูอาจารย์ เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ และเป็นพุทธมามกะสมชื่อ
2.กตัญญูต่อสัตว์ คือ สัตว์ที่มีคุณต่อเรา เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย ที่ใช้งาน จะต้องใช้ด้วยความกรุณาปรานี ไม่เฆี่ยนตีมันจนเหลือเกิน อย่าใช้งานหนักจนเป็นการทรมาร
3. กตัญญูต่อสิ่งของ คือ ของสิ่งใดก็ตามที่มีคุณต่อเรา เช่นหนังสือ ธรรมะ หนังสือเรียน สถานศึกษา วัด ต้นไม้ ป่าไม้ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการหาเลี้ยงชีพ ฯลฯ
4. กตัญญูต่อบุญ คือ รู้ว่าคนเราเกิดมามีอายุยืนยาว ร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณดี สติปัญญาเฉลียวฉลาด มีความสุขความเจริญ มีความก้าวหน้า มีทรัพย์สมบัติมาก ก็เนื่องมาจากผลของบุญ จะไปสวรรค์หรือกระทั่งไปพระนิพพานได้ก็ด้วยบุญ กล่าวได้ว่า ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยบุญ ทั้งบุญเก่าที่ได้สะสมมาดีแล้ว และบุญใหม่ที่เพียรสร้างขึ้นประกอบกัน จึงมีความรู้คุณของบุญ มีความอ่อนน้อมในตัว ไม่ดูถูกบุญ ตามระลึกถึงบุญเก่าให้จิตใจชุ่มชื่น และไม่ประมาทในการสร้างบุญใหม่ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
5. กตัญญูต่อตนเอง คือ รู้ว่าร่างกายของเรานี้เป็นอุปกรณ์สำคัญที่เราจะได้อาศัยใช้ในการทำความดี ใช้ในการสร้างบุญกุศลนานาประการเพื่อความสุข ความเจริญก้าวหน้า แก่ตนเองต่อไป จึงทะนุถนอมดูแลร่างกายรักษาสุขภาพให้ดี ไม่ทำลายด้วยการดื่มเหล้า เสพสิ่งเสพติด 
คนดีมีคุณธรรม มีความกตัญญูครบถ้วนทั้ง 5 ประการนั้น  เป็นผู้ที่เพียบพร้อมด้วยดวงปัญญา ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะเป็นชาวบ้านธรรมดา นักปราชญ์ราชบัณฑิต หรือนักบวชที่ยิ่งใหญ่อย่างเช่นพระสารีบุตร ผู้เป็นอัครสาวกเบื้องขวา เป็นผู้เลิศทางปัญญา ทั้งนี้ก็เพราะการคิดจะตอบแทนคุณของผู้มีพระคุณทั้งหลาย จะต้องผ่านกระบวนการความคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความคิดที่ดี ๆ ที่ออกมาจากใจที่บริสุทธิ์ ใจที่ละเอียดอ่อนในการคิดค้นหาวิธีการต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับบุคคลและสถานการณ์นั้น ๆ เมื่อได้ทบทวนไตร่ตรองดีแล้ว จึงลงมือปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอด้วยใจที่มุ่งมั่น  สิ่งที่ตามมาก็คือความช่างสังเกต ความรู้และความทรงจำที่ดีขึ้นไปตามลำดับ ๆ ครั้นนานวันเข้าก็สั่งสมเป็นปัญญาบารมี
อย่างเช่นกตัญญูต่อครูคนแรกของท่านคือทุกคืนก่อนนอน พระสารีบุตรท่านจะหันศีรษะและนมัสการไปทางทิศที่พระอัสสชิอยู่  ด้วยว่ารำลึกถึงพระคุณของพระอัสสชิที่เป็นอาจารย์คนแรกที่ทำให้ท่านมาพบทางสว่าง  
อีกทั้งกตัญญูต่อข้าวทัพพีหนึ่งของราธพราหมณ์ที่ถวายแก่ท่านขณะเข้าไปบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์  ครั้นมาขอบวช กลับไม่มีภิกษุใดรับอุปสมบทให้เพราะเห็นว่าชราภาพมากแล้ว พระบรมศาสดาจึงตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า มีใครระลึกถึงอุปการะของราธพราหมณ์บ้าง พระสารีบุตรกราบทูลว่าท่านระลึกได้ จึงรับบรรพชาอุปสมบทราธพราหมณ์

และที่สำคัญกตัญญูต่อมารดา ท่านไปโปรดนางสารีพราหมณีผู้เป็นมารดาซึ่งไม่ศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธเจ้าและพระสารีบุตร ซึ่งพระนางเห็นว่าพระสารีบุตรยังเป็นใหญ่กว่าท้าวจาตุมหาราช ท้าวสักกเทวราช และท้าวมหาพรหม ที่นางเคารพ แล้วพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นครูของพระลูกชายจะต้องมีอิทธิศักดานุภาพยิ่งใหญ่กว่า  ในที่สุด เมื่อฟังธรรมจากพระสารีบุตรแล้ว นางสารีพราหมณีก็สำเร็จเป็นพระโสดาบัน
ดังนั้น ผู้นำในการสร้างชาติให้ยิ่งใหญ่ทั้งทางโลกและทางธรรม ล้วนเป็นคนดีมีคุณธรรม มีดวงปัญญาข้ามชาติ ที่เกิดจากการสั่งสมความกตัญญูกตเวทีมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ครั้นทำซ้ำ ๆ ในปัจจุบันชาติ ก็ยิ่งเป็นมงคลชีวิตแก่ตนเอง เป็นบารมียิ่ง ๆ ขึ้นไป 

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพ
มงคลชีวิตฉบับทางก้าวหน้า มงคลที่ 25
   




โครงการสามเณรฟื้นฟูพระพุทธศาสนาทั่วประเทศไทย

สามเณร... เหล่ากอของสมณะ   มีคำกล่าวว่า...เด็ก มิได้ไร้เดียงสาต่อการบรรลุธรรม ในอดีต จากประวัติสามเณรอรหันต์ในสมัยพุทธกาลมีมากถึง 14 ร...